ปลาแซลมอนในป่า
สารบัญ:
ปลาแซลมอนป่ามีไขมันต่ำมีโปรตีนสูงและเต็มไปด้วยวิตามินและเกลือแร่ มีปลาแซลมอนหลากหลายชนิดและสามารถเลี้ยงได้ทั้งในฟาร์มเลี้ยงสัตว์หรือเลี้ยงสัตว์ป่า ปลาแซลมอนป่ามีไขมันน้อยกว่าปลาแซลมอนที่เลี้ยงในฟาร์มและมีไขมันโอเมก้า 3 สูงกว่าปกติ กินปลาแซลมอนย่างของตัวเองและใช้ของเหลือที่จะเพิ่มไขมันโปรตีนและไขมันเพื่อสลัดหรือเพื่อให้แซนวิชแซนวิชสลัด
วิดีโอประจำวัน
ประเภทต่างๆ
การแบ่งประเภทปลาแซลมอน 2 แบบคือแอตแลนติกและแปซิฟิก ในขณะที่ปลาแซลมอนแอตแลนติกมีเพียงสายพันธุ์เดียวแปซิฟิกปลาแซลมอนมี 5 สายพันธุ์คือ chinook, sockeye, coho, pink และ chum สีของเนื้อและไขมันแตกต่างกันไป ตัวอย่างเช่น chinook และ sockeye มีไขมันมากกว่าชมพูและชุมพร ปลาแซลมอนแอตแลนติกส่วนใหญ่ที่คุณสามารถซื้อได้คือฟาร์มเลี้ยงและมาจากทั่วโลก ปลาแซลมอนแปซิฟิคมักถูกจับได้โดยธรรมชาติและมาจากอลาสก้าและแปซิฟิกตะวันตกเฉียงเหนือ
กรดไขมันโอเมก้า 3
ปลาแซลมอนป่าโดยเฉพาะ Chinook และ Sockeye มีกรดไขมันโอเมก้า 3 สูงมาก กรดไขมันโอเมก้า 3 เป็นกรดไขมันจำเป็นที่ร่างกายไม่สามารถสร้างขึ้นได้เอง พวกเขาจำเป็นสำหรับการทำงานของสมองปกติและการเจริญเติบโตและการพัฒนาที่เหมาะสม ตามที่สมาคมโรคหัวใจอเมริกัน, กรดไขมันโอเมก้า 3 ส่งเสริมสุขภาพของหัวใจโดยการลดระดับไตรกลีเซอไรด์ในเลือดและป้องกันการสะสมของคราบจุลินทรีย์ในหลอดเลือด ปลาแซลมอนป่าขนาด 6 ออนซ์ให้ 2 4 กรัมของกรดไขมันโอเมก้า 3
ซีลีเนียม
สารอาหารที่สำคัญอีกอย่างหนึ่งของปลาแซลมอนป่าคือซีลีเนียม ซีลีเนียมเป็นแร่ธาตุที่สามารถทำงานร่วมกับวิตามินอื่น ๆ เพื่อป้องกันความเครียดจากการออกซิเดชั่น ซีลีเนียมยังจำเป็นสำหรับการทำงานของต่อมไทรอยด์และเป็นส่วนสำคัญของระบบต่างๆในร่างกายที่ช่วยป้องกันมะเร็ง ปลาแซลมอนป่าขนาด 6 ออนซ์ให้ปริมาณซีลีเนียมสูงกว่าร้อยละ 100 ในชีวิตประจำวัน
วิตามิน B-12
ปลาแซลมอนป่าเป็นแหล่งวิตามิน B-12 ที่ดีมาก วิตามินบี 12 เป็นสิ่งจำเป็นสำหรับการทำงานของเส้นประสาทที่เหมาะสมการผลิตเม็ดเลือดแดงและการสังเคราะห์ดีเอ็นเอ ปลาแซลมอนป่าขนาด 6 ออนซ์ให้ปริมาณวิตามินบี 12 ต่อวันมากกว่า 2 เท่า